วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2560

น้องผิง Chapter 19 – อ่านขาด

ผมลืมตาโพลงตื่นลุกพรวดขึ้นมานั่งหอบ มองไปนอกหน้าต่างท้องฟ้ายังมืดอยู่ หัวใจผมเต้นแรงเพราะความฝันแปลก ที่จำได้แม่นยำ ในความฝันนั้นผมเห็นน้องผิงนางฟ้าตัวน้อยของผมกำลังโดนปลุกปล้ำข่มขืนกระทำชำเราจากใครบางคนที่รูปร่างหน้าตาเหมือนผมทุกกระเบียดนิ้ว ส่วนผมนั้นเหมือนโดนกักไว้ในโลกกระจกที่ได้แต่มองดูจากด้านข้างไม่สามารถทำอะไรได้ 


    ผมมองดูน้องผิงดิ้นเร่าส่งเสียงร้องครางแอ่นบิดตัวตอบสนองลีลารักอย่างเร่าร้อน ร่างกายสวยผุดผาดโดนบีบเคล้นขยี้จนแทบยับเยิน เธอหวีดร้องเสร็จสมคาดุ้นเนื้อยาวใหญ่ เธอร้องครางบอกรักเรียกชื่อผมไม่หยุดก่อนจะส่งเสียงหวีดร้องเมื่อเสร็จสม จากนั้นผมถึงค่อยเห็นหน้าของตัวผมเองมองมาแล้วแสยะยิ้มให้

        ความฝันของผมจบลงตรงนั้น ผมตกใจตื่นขึ้นมานั่งหอบอยู่ในความมืด ตอนนี้ผมยังอยู่ในห้องนอนที่เพิ่งใช้เป็นสมรภูมิระเริงรักกับสี่เด็กสาว ผิง เต้ย ขวัญ และสไปร์ท ค่ำคืนที่ผ่านมาเรียกว่าผมใช้ร่างกายเกินกำลังที่สุดแล้วเท่าที่เคยทำมา 

    เด็กสาวเจริญวัยสี่คนนั้นร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์แถมยังเต็มไปด้วยความต้องการทางเพศ กว่าจะปลอบให้พวกเธอสงบได้ผมก็ต้องทำให้พวกเธอเสร็จกันไปคนละสามรอบ ผมปล่อยน้ำไปห้ารอบเห็นจะได้ เพราะแบบนี้ผมเลยนอนสลบเหมือดเหมือนโดนถอดปลั๊กออกไปเลย

        ความมืดทำให้ผมมองไม่เห็นว่าใครนอนตรงไหน รู้แค่ว่าพวกเรากำลังนอนเบียดเสียดกันอยู่บนพื้นห้อง ผมอยากล้มตัวลงไปนอนต่อแต่ก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ ผมเลยได้แต่อ้าปากหาว แล้วฝืนพยายามลุกขึ้นเดินย่องไปทีละก้าว เพราะกลัวจะเหยียบใครเข้า 

    ผมเดินไปเปิดประตูจนแสงจากนอกห้องที่เปิดทิ้งไว้สาดเข้าไปในห้องนอนเล็กน้อย ตอนนี้ผมเลยหยุดชะงักกึก เพราะมองเข้าไปในห้องนอนแล้วเห็นเงาของเด็กสาวแค่สามคน และนั่นหมายความว่าใครบางคนหายไปจากห้องนอน

        ความมืดทำให้ผมไม่เห็นว่าใครที่หายไป แต่แน่ใจได้ว่าหายไปหนึ่งคนแน่ ความตื่นตกใจทำให้ผมยื่นมือไปเตรียมกดเปิดไฟในห้องเพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่าใครหายไปกลางดึก แต่จังหวะนั้นเองที่ผมได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังมาจากทางห้องครัว

        มือของผมหยุดชะงักค้างแล้วเปลี่ยนเป็นขยับปิดประตูห้องนอนงับเอาไว้แทน เสียงที่ว่านั้นเป็นเสียงเหมือนคนคุยกัน และนั่นแสดงว่าต้องมีคนมากกว่าหนึ่ง หนึ่งในนั้นน่าจะเป็นหนึ่งในเด็กสาว ส่วนอีกหนึ่งคนก็น่าจะเป็น

        ผมเดินย่องไปทางห้องครัวแบบเงียบ ระหว่างนั้นผมก็เดินผ่านห้องนอนที่ผมทิ้งให้ไอ้เพื่อนเวรนอน แต่ตอนนี้ประตูห้องนั้นเปิดอ้าไว้และไม่มีใครบนเตียง ดังนั้นเจ้าของเสียงคนหนึ่งจะต้องเป็นไอ้เวรอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่อีกคนนั้นจะเป็นใครกัน หวังว่าคงจะไม่ใช่เหมือนในความฝันของผม

        ผมค่อย ย่องไปทางห้องครัวที่มีแสงไฟสลัวลอดออกมา ผมชะโงกหน้าแอบดูด้วยความรู้สึกลุ้นระทึกแปลก ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผมกำลังกลัว หรือว่ากำลังตื่นเต้นลุ้นระทึกที่จะได้เห็นอะไรบางอย่างข้างในนั้น

        “อูยยยสสส เสียวจี๊ด ตอดดีจริง เย็ดมันขนาดนี้ อิจฉาไอ้กายมันจริง มันได้เย็ดหอยเด็กสดใหม่เนื้อแน่นแบบนี้ทุกวันเลยเหรอเนี่ย อูววววว สุดยอด

        เสียงแรกที่ดังขึ้นทำให้ผมแทบหัวใจหยุดเต้น มันคือเสียงของไอ้เวนแน่นอน และเมื่อผมชะโงกหน้าเข้าไปดู ผมก็เห็นด้านหลังของมัน มันกำลังยืนเปลือยกระเด้าเอวซอยยิกอย่างเมามันอยู่ข้างโต๊ะกินข้าว และแน่นอนว่ามันคงไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้อยู่คนเดียว

        “อือออออือออออือออ …”

        เสียงครางของผู้หญิงดังขึ้นสอดผสานกับเสียงเนื้อกระแทกเนื้อ ผมไม่แน่ใจว่านั่นเป็นเสียงครางของใคร เพราะสมองกำลังหมุนติ้วคิดอะไรไม่ออก ผมเห็นแค่ร่างขาวโพลนของเด็กสาวหนึ่งร่างกำลังยืนโก้งโค้งหันหลังให้ 

    ผมไม่เห็นหน้าเพราะเธอนอนก้มหน้าลงไปแนบกับโต๊ะกินข้าว แถมยังโดนบังจนไม่เห็นท่อนบน ผมเห็นแค่แผ่นหลัง และท่อนขาขาว สองข้างที่ยืนถ่างกว้าง ผมเห็นสะโพกขาว ที่เด้งร่อนรับแรงกระแทกของไอ้เวร ผมเห็นกลีบเสียวที่โดนดุ้นสีดำคล้ำวิ่งเข้าวิ่งออกเป็นระวิง คราบน้ำกามสีขาวที่เอ่อทะลักล้นเยิ้มไปตามง่ามขา ทำให้ผมไม่แน่ใจนักว่านั่นเป็นผลงานที่ผมทิ้งไว้ก่อนหน้า หรือว่าไอ้เวรมันจะจัดไปก่อนหน้านี้แล้วอย่างน้อยหนึ่งรอบ 

        ขาของผมแข็งเป็นก้อนหิน ใจหนึ่งอยากจะพุ่งออกไปกระชากไอ้เวรออกมา แต่อีกใจก็ไม่อยากทำแบบนั้น เพราะดูแล้วไม่มีร่องรอยขัดขืนต่อสู้ ดูเหมือนจะเป็นการสมยอมของสองฝ่าย ไม่มีร่องรอยของการโดนปลุกปล้ำใช้กำลังให้เห็น ถ้าผมจะโผล่ออกไปห้ามก็ดูจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ผมเลยได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนี้

        “อูวววว ยิ่งเย็ดยิ่งมัน นางฟ้าสุดสวยจ๋า โอวววว

        ไอ้เวรกระเด้าเย็ดถี่ยิบพลางส่งเสียงครางหื่นกามออกมา เจ้าของร่างขาวโพลนนั้นก็แอ่นเด้งสะโพกรับเป็นระวิง ผมเห็นไอ้เวนมันเอื้อมมือสอดเข้าไปด้านหน้าของเธอ มันคงกำลังบีบขยำนมแต่ผมมองไม่เห็นจากมุมนี้ ดูจากความเร็วถี่ของทั้งสองคนแล้ว ดูเหมือนว่าน่าจะใกล้เสร็จสมกันแล้วทั้งคู่

        เพื่อนผมมันกระแทกไปสูดปากไป บางครั้งก็ยื่นมือมาขยำขยี้แก้มก้นขาวผ่องอย่างเมามัน ไม่นานนักบั้นท้ายที่ส่ายระริกของเด็กสาวกระเด้งลอยกระตุกพร้อมกับเสียงร้องครางเหมือนเสร็จไปแล้วหนึ่งรอบ

        “โอยยยย เย็ดมันจริง จะแตกแล้วพี่น้ำแตกแล้วน้องนางฟ้าจ๋า โอ้วววว

        ผมเดาไม่ผิด แอบดูไปอีกแค่ครู่เดียวไอ้เวรก็ส่งเสียงร้องเหมือนหมูถูกเชือด มันปิดท้ายด้วยการกระแทกแรง จนร่างขาวโพลนเด้งกระเพื่อม จากนั้นมันก็แช่เอวนิ่งตัวกระตุกเฮือก อยู่หลายครั้ง ส่วนเด็กสาวที่ยืนโก้งโค้งหมอบหน้ากับโต๊ะกินข้าวนั้นส่งเสียงดังอื้อออกมาแล้วก็เงียบไป

        บรรยากาศกลายเป็นเงียบอีกครั้ง ผมได้ยินแต่เสียงหัวใจของตัวเองที่กำลังเต้นแรง และเสียงหอบหายใจของไอ้เวนที่ดังกระเส่า ผมบอกไม่ถูกจริง ว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไง ทั้งกลัว ทั้งหึงหวง ทั้งอยากรู้ ผมอยากรู้ว่าเด็กสาวที่ไอ้เวนเพิ่งเย็ดไปคือใคร แต่อีกใจผมก็กลัวว่าเด็กสาวคนนั้นจะเป็นน้องผิง ถ้าเป็นคนอื่นก็ยังดี แต่ไม่ว่าเด็กสาวคนนั้นจะเป็นใคร การที่เธอแอบผมมาเอากับไอ้เวนกลางดึกคงไม่ใช่เรื่องที่ผมอยากทำใจยอมรับ

        ระหว่างที่ผมยืนนิ่งเป็นก้อนหิน ไอ้เวนก็พ่นลมหายใจแล้วขยับตัวถอนควยออกมาจากร่องเสียว ผมรู้สึกโล่งใจเล็ก ที่มันใส่ถุงยางเอาไว้ และนั่นทำให้ผมแน่ใจว่าน้ำเชื้อที่ค้างอยู่ในร่องเสียวก่อนหน้าต้องไม่ใช่ของมัน

        ไอ้เวนยืนหอบพักใหญ่ แล้วมันก็ถอดรูดถุงยางออกโยนทิ้งใส่ถังขยะ ก่อนจะขยับไปนั่งหอบบนเก้าอี้ในห้องครัว แต่ที่ผมแปลกใจก็คือฝ่ายผู้หญิงยังคงอยู่ในท่าเดิม คล้ายกับว่าหลับไปหรือยังไง

        “ฟู่ นึกว่าวันนี้จะไม่ได้ลองของดีแล้ว เผลอเมาหลับไปเสียได้ซิกู แบบนี้มีหวังโดนไอ้กายหัวเราะแน่ ยังดีนะพอตื่นมาเข้าห้องน้ำก็เจอนางฟ้านอนเมาสลบอยู่ในห้องครัวเลยได้จัดไปสองดอกว่าแต่ถ้าไอ้กายรู้มันจะโกรธหรือเปล่าวะเนี่ยที่ไปยุ่งกับเด็กของมันแล้วไม่บอก

        ไอ้เวนนั่งสักพักก็ส่งเสียงบ่นพึมพำออกมา ผมฟังแล้วก็เริ่มงงกับเหตุการณ์ ทีแรกผมก็ว่าแล้วว่าฝ่ายผู้หญิงดูตอบสนองแปลก คล้ายกับคนเมาไม่มีแรง หรืออาจจะอยู่ในสภาพหลับ ตื่น เธอเลยส่งเสียงครางอือ อยู่ในลำคอตลอดแบบนี้ก็แสดงว่าเธอคนนี้น่าจะออกจากห้องมาเข้าห้องน้ำ หรืออาจจะหาน้ำดื่ม แต่ไม่ไหวสลบไปก่อน ไอ้เวนเพื่อนผมเลยได้สวมรอยจัดการลักหลับสมใจมันผมได้แต่หวังว่าคงไม่ใช่น้องผิงนะ

        มันนั่งพักได้ครู่เดียวก็ขยับตัวหยิบกางเกงกับเสื้อของมันขึ้นมาใส่ จากนั้นมันก็ขยับไปยืนใกล้กับร่างเปลือยของเด็กสาวแล้วทำท่าเหมือนคิดอะไรอยู่ มันยื่นมือไปลูบก้นขาว แล้วบีบ ด้วยความมันเขี้ยวรอบหนึ่ง ก่อน มันทำท่าหื่นกามเหมือนอยากจะต่ออีกสักรอบ แต่แล้วเสียงเพลงก็ดังขึ้นมาจนผมกับมันสะดุ้งโหยงพร้อมกัน

        ไอ้เวนสะดุ้งหนักกว่า มันรีบเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางบนโต๊ะขึ้นมารับ เสียงที่หลุดออกมาทำให้ได้รู้ว่าเมียมันโทรมาด่าและบอกให้มันกลับบ้าน ไอ้เวนถึงกับหน้าซีด มันรีบอ้างว่ามากินเหล้าเมากับผมแล้วเผลอหลับไปเลยไม่ได้รับสายก่อนหน้านี้ จากนั้นมันก็รีบเดินตรงมาทางประตูที่ผมยืนแอบอยู่ทันที

        ผมสะดุ้งโหยงรีบก้าวถอยหลังไปหลบในห้องข้าง ที่เปิดประตูทิ้งไว้ ถ้าไอ้เวนมันเดินมาทางนี้มันก็คงเห็นผมแน่ แต่ยังดีที่มันเดินออกไปนอกบ้านพัก ท่าทางมันคงรีบกลับบ้านตามคำสั่งเรียกกลับของภรรเมียที่เคารพรัก

        พอแน่ใจว่าไอ้เพื่อนเวนมันไม่น่าจะวกกลับมาแล้ว ผมก็เดินเข้าไปในห้องครัวด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ร่างขาวโพลนของเด็กสาวยังคงอยู่ในท่าเดิม คือนอนคว่ำหน้ากับโต๊ะกินข้าวในสภาพเปลือยเปล่า ร่องเสียวที่เพิ่งโดนไอ้เวนกระเด้าอย่างเมามันเหยออ้าเล็กน้อยจนเห็นเนื้อแดงแจ๋ข้างใน น้ำเงี่ยนขาวข้นที่ผมฝากเอาไว้ก็ยังเอ่อล้นออกมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจนกระทั่งตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้สึกตัวสักนิด

        “… ขวัญ?”

        ผมขยับเข้าไปใกล้จนเห็นใบหน้าด้านข้างของเด็กสาว แล้วผมก็โพล่งเรียกชื่อเธอออกมาด้วยความรู้สึกโล่งใจ เอาเป็นว่าถ้าไม่ใช่น้องผิงผมก็สบายใจแล้ว ถึงจะหวงเด็กคนอื่นอยู่บ้างแต่ก็อยู่ในระดับหนึ่ง กับเพื่อนสนิทอย่างไอ้เวนผมก็พอจะแบ่งปันกับมันได้บ้าง ถ้ามันไม่ได้ขืนใจ แต่กรณีนี้จะเรียกว่าเต็มใจก็ไม่ใช่ เพราะขวัญเธอเหมือนไม่รู้ตัวเลย

        เมื่อคืนนอกจากไอ้เวนจะเมาจนอ้วกสลบไป เด็ก ทั้งสี่คนก็เมากรึ่มสนุกสุดเหวี่ยงปลดปล่อยตัวตนกันออกมาเต็มที่ ถ้าพวกเธอจะสลบเหมือดไม่รู้ตัวทั้งที่โดนลักหลับก็คงไม่แปลก แต่ผมก็ยังแปลกใจที่ขวัญเธอออกมาจากห้องได้ยังไง

        พอนึกไปแล้วผมเคยได้ยินเด็ก พูดกันว่าขวัญชอบนอนละเมอ บางครั้งก็เดินออกมานอกห้อง ผมเลยคิดว่าเป็นไปได้ที่คืนนี้เธอก็ละเมอออกมา แล้วก็กลายเป็นส้มหล่นให้ไอ้เวนมันได้จับกินอย่างที่หวัง

        ผมยกมือเกาหัวแกรก ไม่แน่ใจว่าควรจะบอกให้ขวัญรู้หรือเปล่า แต่คิดอีกทีผมไม่บอกดีกว่า ผมเลยจัดการอุ้มร่างอ่อนปวกเปียกของขวัญกลับไปนอนที่ห้อง แล้วก็ลงไปนอนพักผ่อนต่อ ถ้าพูดกันตรง ฉากลักหลับของไอ้เวนทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นมีอารมณ์อยู่เหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้พลังผมหมดเกลี้ยงควยแห้งเหี่ยวไม่มีแรงผงกหัวเลยสักนิด ไม่งั้นผมอาจจะแอบลักหลับน้องผิงสักรอบเพื่อความสนุกก็ได้ 

    

    ……………………………….

    

        วันถัดมาผมตื่นเสียเกือบเที่ยง เด็กสาวทั้งสี่เก็บข้าวของเตรียมกลับเรียบร้อยแล้ว ของผมก็โดนช่วยจัดรอไว้เหมือนกัน ขวัญดูจะไม่รู้เรื่องเลยว่าเมื่อคืนเธอมีผัวคนที่สองไปแล้ว แถมผัวคนที่สองของเธอยังยอมฝืนมาส่งพวกเราออกจากรีสอร์ททั้งที่ขอบตาคล้ำนอนไม่พอ ไอ้เวนมันทำท่าเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น แถมยังมาตามจีบน้องผิงของผมต่ออีก มันบอกว่าถ้าเด็ก มาพักอีก ให้โทรบอกมัน มันจะให้พักฟรี

        พวกเราออกจากรีสอร์ทของไอ้เวนตอนเกือบบ่ายโมง สี่สาวนั่งคุยส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกันในรถ ส่วนผมมีหน้าที่ขับกลับบ้าน เราอยู่บนถนนกันประมาณสองชั่วโมงก็ถึงที่หมาย ผมแวะส่งสไปร์ทที่อพาร์ตเมนท์เก่าโทรมไม่น่าไว้ใจเป็นคนแรก สภาพมันแย่มาก จนผมขมวดคิ้วไม่อยากให้เธอลงไป แต่ว่าสไปร์ทก็อยู่กับแม่ที่ทำงานเป็นสาวขายตัวมานานแล้ว เธอบอกว่าตอนนี้แม่น่าจะเมาหลับอยู่ ตื่นอีกทีก็กลางคืนออกไปหาเงินต่อ

        ผมวนไปส่งเต้ยในย่านเยาวราชซึ่งเป็นร้านอาหารจีน เต้ยมองผมเหมือนอาลัยอาวรแต่ก็ยอมลงไปโดยดี ผมเห็นหญิงสูงวัยคนหนึ่งที่ผิงบอกว่านั่นคืออาม่าของเต้ย ผมเห็นอาม่าคนนั้นเหลือบมองเต้ยแวบหนึ่งแล้วก็ไม่สนใจต่อ ส่วนเต้ยนั้นเหมือนจะชาชินกับอาการแบบนั้น เธอไม่ได้หันไปมองอาม่าของเธอด้วยซ้ำ เธอเดินตรงเข้าไปในร้านเลย ความสัมพันธ์แบบนี้มันดูห่างเหินยิ่งกว่าที่ผมคิดเอาไว้เสียอีก

        ผมไปส่งขวัญเป็นลำดับที่สาม เธอลังเลพอสมควรตอนที่ผมถามว่าจะให้ไปส่งที่ไหน เพราะว่าพ่อกับแม่เธอแยกกันอยู่และมีครอบครัวใหม่ ถึงแม้สองบ้านจะร่ำรวยเงินทอง แต่ไม่มีใครที่อยากเก็บเธอเอาไว้ เพราะพ่อกับแม่เกลียดกันและมองเต้ยเป็นเหมือนตัวแทนของอีกฝ่ายที่เกลียดถึงกระดูก สุดท้ายขวัญก็ถอนหายใจแล้วบอกให้ไปส่งหน้าบ้านแม่ของเธอ

        ผมนั่งถอนหายใจอยู่บนรถด้วยความรู้สึกหลากหลาย ตอนนี้เหลือแต่น้องผิงนั่งอยู่ข้างผม เพราะว่าบ้านเราอยู่ติดกัน ผมเลยจะไปส่งเธอเป็นคนสุดท้าย สาเหตุที่ผมถอนหายใจก็เพราะว่า ก่อนหน้านี้เด็กสาวสี่คนยังยิ้มหัวเราะคุยกันสนุกสนานรื่นเริงมีความสุข แต่ตอนที่พวกเธอกลับบ้านผมเห็นได้ชัดว่าพวกเธอแววตาเศร้าหมองไม่มีความสุข ในความรู้สึกของพวกเธอแล้วที่นั่นคงไม่ใช่บ้านของพวกเธอ แต่เป็นเหมือนคุกเสียมากกว่า

        “พี่เข้าใจแล้วล่ะ ว่าทำไมผิงอยากให้มีคนเลี้ยงดูเพื่อน ถึงทำแบบนี้จะดูไม่ดี แต่ถ้าเทียบกันแล้วบางทีทำเรื่องแบบนี้แล้วชีวิตอาจจะมีความสุขมากกว่าก็ได้

        ผมพูดพลางถอนหายใจอีกรอบ ตอนนี้น้องผิงเลยเอื้อมมือนุ่มนิ่มของเธอมาจับมือซ้ายผมไว้ เธอบีบกระชับเบา โดยไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้ผมถึงเพิ่งเข้าใจจริง ว่าอะไรทำให้ผิงตัดสินใจส่งเพื่อนของเธอมาให้ผม เธอไม่ได้มองแค่ความสนุกครั้งคราว แต่ผิงอยากช่วยเพื่อน ให้หลุดออกจากนรกในบ้านของแต่ละคน พวกเธอต้องการชีวิตใหม่ที่ดีกว่านี้

        “ใกล้ถึงหมู่บ้านแล้ว ผิงจะลงหน้าหมู่บ้านหรือว่าจะลองไปลงหน้าบ้าน เอาไงดี

        ผมขับรถไปอีกสักพักก็หันไปถามน้องผิง ความสัมพันธ์ของผมกับน้องผิงยังเป็นความลับ ผมเลยไม่แน่ใจว่าเธออยากจะลงหน้าหมู่บ้านแล้วเดินเข้าไปเองเพื่อไม่ให้โดนจับได้ หรือว่าจะลองไปเสี่ยงเอาที่หน้าบ้านเธอเลย เพราะปกติก็ไม่ค่อยมีใครอยู่แล้ว

        “… คืนนี้ ผิงขอนอนบ้านพี่กายนะคะ

        น้องผิงนิ่งไปครู่หนึ่ง เธอแสดงท่าทีลังเลกระสับกระส่าย ก่อนจะหันมามองผมด้วยสายตาเว้าวอนจนผมแปลกใจ ผมไม่เคยเห็นน้องผิงมีท่าทีไม่อยากกลับบ้านแบบนี้มาก่อน เพราะอย่างน้อยเธอก็มีมิ๊งแม่ของเธออยู่หนึ่งคน ถึงจะขาดพ่อแต่แม่เธอก็ดูแลเธอดีพอสมควร

         พอนึกไปผมก็นึกได้ว่าช่วงนี้พ่อของน้องผิงกลับมาบ้าน พ่อของน้องผิงจะอายุเยอะสักหน่อย ถ้าผมจำไม่ได้ผิดน่าจะห้าสิบหกสิบแล้ว พ่อของเธอเคยรวยมาก่อน และได้แต่งงานกับมิ๊ง แต่ไม่นานกิจการก็เหมือนจะทรุดย่ำแย่ พ่อของเธอก็เลยหนีหนี้ไปทำงานต่างประเทศและไม่ได้กลับมาราวห้าหรือหกปีแล้ว ผมเดาว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพ่อคงไม่ค่อยดีนัก ไม่งั้นเธอคงไม่หาเรื่องหนีไปเที่ยวทะเลกับผมในช่วงที่พ่อเธอกลับมาอยู่บ้าน

        “เป็นอะไรเพราะพ่อหรือเปล่า?”

        ผมถามเธอไปตรง น้องผิงอ้อมแอ้มกระสับกระส่ายเหมือนไม่กล้าตอบ ผมมองแล้วคิดว่าน่าจะใช่ เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าน้องผิงเธอรู้สึกยังไงกับพ่อเธอกันแน่ เพราะยังไงก็เป็นพ่อลูกกัน

        “ถ้ายังไม่อยากเล่า ก็ไม่ต้องเล่า คืนนี้ไปนอนที่บ้านพี่ได้ ไม่ต้องห่วงเมียหลวงไม่อยู่ เมียเด็กไปพักได้ตามสบาย

        ผมพยายามพูดหยอกให้น้องผิงคลายเครียด แต่ว่าเธอแค่ยิ้มน้อย ยังอยู่ในอารมณ์เครียด ผมเลยไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมแค่บอกให้น้องผิงเธอขยับมุดไปหลบสักหน่อยไม่งั้นอาจจะมีคนเห็นเธออยู่ในรถผม รอให้เข้าบ้านเสียก่อน แล้วจึงค่อยแอบเข้าไปในบ้าน

        “สวัสดีครับคุณกาย อ้าว กลับมาคนเดียวเหรอครับ เห็นหายไปหลายวัน นึกว่าจะแอบพาหนูผิงคนงามประจำหมู่บ้านไปทำลูกกันที่ไหนเสียอีก

        พอถึงหน้าหมู่บ้าน ผมจอดรถเปิดกระจกเพื่อรับบัตรเข้าออก ลุงดำยามรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้านก็ยื่นบัตรให้พร้อมกับส่งเสียงหยอกทะเล้นใส่ ถ้ายังจำกันได้ลุงดำคนนี้เขาเคยเห็นผมกับน้องผิงมีอะไรกัน เรียกได้ว่าเป็นคนรู้เห็นที่ผมแอบหวั่น ว่าจะสร้างเรื่องให้อยู่เหมือนกัน

        “พูดอะไรลุง ผมไปทำงานต่างจังหวัด

        ผมพยายามทำหน้านิ่งไม่รู้เรื่อง แต่ในใจก็แอบหวั่น อยู่บ้าง ผมไม่แน่ใจว่าลุงดำแกจะเห็นน้องผิงที่แอบอยู่ด้านหลังรถหรือเปล่า พอรับบัตรเข้าออกผมก็เลยรีบกดปิดกระจกทันทีเพื่อกันไม่ให้มีเวลามองมากนัก

        “เดี๋ยว คุณ อย่าเพิ่ง ผมมีข่าวบอก คุณต้องอยากรู้แน่เลย

        พอกระจกรถเริ่มขยับลุงดำแกก็ส่งเสียงร้องจนผมชะงักหันไปมอง ลุงดำแกยิ้มจนเห็นฟันขาวแล้วมองซ้ายมองขวา ก่อนจะเริ่มรายงานข่าวให้ผมทราบด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์แปลก

        “เมื่อคืนนะคุณ ทะเลาะกันใหญ่เลยล่ะ เสียงดังโวยวายจนคนในหมู่บ้านต้องตามลุงไปช่วยห้าม

        “… ใครทะเลาะกัน

        ผมขมวดคิ้วแอบมองไปทางกระจกมองหลัง เพราะเป็นห่วงน้องผิง ถึงผมจะถามเหมือนไม่รู้ แต่ก็พอจะเดาออก ผมเดาว่าพ่อกับแม่ของผิงต้องทะเลาะกันแน่ ไม่งั้นถ้าเป็นคนอื่นลุงดำแกคงไม่คาบข่าวมารายงานให้ผมรู้

        “โอย ก็จะใครเสียอีกล่ะคุณ ก็พ่อกับแม่ของหนูผิงสาวงามประจำหมู่บ้านนั่นล่ะคุณ กลับมาจากประเทศนอกปุ๊บก็ทะเลาะกันเลยตั้งแต่วันแรก แต่เมื่อคืนนี่หนักหน่อย ทะเลาะกันเสียงดัง คนแม่ร้องไห้ ขับรถออกจากบ้านตั้งแต่สองทุ่ม เช้านี้ยังไม่กลับมาเลยล่ะคุณ ส่วนไอ้คุณพ่อก็ไม่รู้ออกไปไหนตั้งแต่เช้า ยังดีนะที่คุณลูกสาวอยู่แถวนี้มีคุณช่วยดูแล

        ลุงดำพูดรายงานข่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ก่อนจะปิดท้ายด้วยรอยยิ้มเหมือนเห็นอะไรบางอย่างเข้าจนผมใจหายวูบ ท่าทางเหมือนลุงดำจะรู้แล้วว่าน้องผิงแอบอยู่ด้านหลังรถ แต่ตอนนี้ที่ผมเป็นห่วงมากกว่าก็คือกลัวว่าน้องผิงเธอจะเสียใจ เรื่องพ่อกับแม่ทะเลาะกันหนัก แล้วผมก็เริ่มเป็นห่วงไม่รู้ว่ามิ๊งเธอไปที่ไหนทั้งคืนโดยไม่มีใครรู้

        ถ้ายังไม่ลืมกัน มิ๊งแม่ของน้องผิงเธอก็เป็นเมียน้อยของผมคนหนึ่งด้วยเหมือนกัน ก่อนหน้านี้เธอเคว้งเรื่องเงินไม่พอใช้ ก็เลยไปขายตัว และบังเอิญมาเจอผมเข้าพอดีจนกลายเป็นเมียน้อยผมอีกคน แต่เรื่องราวมันสลับซับซ้อนนิดหน่อย เพราะว่าแม่น้องผิงเธอจำไม่ได้ว่าผมเป็นเพื่อนบ้านติดกัน และเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าผมกับลูกสาวเธอเป็นผัวเมียกันแล้ว

        พอได้ฟังรายงานข่าว ผมก็ขับรถกลับเข้าบ้าน พอประตูรั้วปิดผมก็ไปเปิดประตูรถดูต้นทางให้น้องผิงลงมา ตอนนี้เธอหน้าซีดตาแดงทำท่าเหมือนจะร้องไห้ผมเลยต้องกอดปลอบเธออีกพักใหญ่ แล้วผมถึงค่อยบอกให้เธอโทรหาแม่เธอดู

        ผมเริ่มเป็นห่วงมากกว่าเดิมตอนที่แม่น้องผิงไม่รับโทรศัพท์ ผิงเองก็แสดงท่าทีกระวนกระวายอยู่ไม่สุขออกมา ผมเลยสั่งให้เธอไปอาบน้ำอาบท่าเสียก่อน ส่วนผมนั้นแอบมาโทรหามิ๊งด้วยเบอร์โทรของผมเอง แรกสุดผมก็ไม่ได้หวังว่ามิ๊งจะรับสาย เพราะขนาดผิงโทรไปก็ยังไม่รับและไม่โทรกลับ แถมก่อนหน้านี้มิ๊งก็ไม่ได้โทรหามาสองวันแล้ว แต่ว่าผมคิดผิด มิ๊งกดรับสายผมทั้งที่ไม่ยอมคุยกับลูกสาวตัวเอง

        “สวัสดีครับ มิ๊งอยู่ที่ไหนเอ่ย ไม่ได้คุยหลายวันเลย

        ผมเกือบโพล่งถามว่าเธอเป็นยังไงบ้างเพราะเป็นห่วง แต่พอคิดอีกทีผมก็ต้องเก็บอาการไม่แสดงออก เพราะตามหลักแล้วผมไม่ควรจะรู้ว่ามิ๊งทะเลาะกับสามีของเธอ และผมไม่ควรรู้ว่าเธอไม่กลับบ้านมาหนึ่งคืนแล้ว

        “… มิ๊งมาเที่ยวทะเลกับลูกค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ

        มิ๊งตอบมาเสียงเรียบ แต่ผมรู้สึกเหมือนเธอกำลังเศร้าอยู่ และแน่นอนว่าเธอโกหกอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง เพราะว่าลูกสาวเธอน่ะอยู่กับผม เพียงแต่เธออยู่ทะเลจริงหรือเปล่าก็อีกเรื่อง

        ผมเงี่ยหูฟังแล้วก็ได้ยินเสียงคลื่น ผมเลยคิดว่าเธอน่าจะอยู่ทะเล เพียงแต่ว่าเธอไปทะเลเพื่ออะไรและไปกับใคร เธอแค่ไปนั่งเศร้าคนเดียวหรือเปล่า หรือว่าจะมีใครไปด้วย ผมเลยลองถามอ้อม ดู อย่างน้อยถ้าเธอยอมให้ผมไปเจอก็น่าจะอยู่คนเดียว

        “ทะเลที่ไหน อยากเจอจัง ให้ผมไปหาดีหรือเปล่า

        “… คุณกายมีเวลาว่างเหรอคะมิ๊งไม่อยากรบกวนเวลาเลย

        “มีซิ เดี๋ยวจะรีบไปหาเลยก็ได้ อยู่ที่ไหนล่ะ ฟังเสียงมิ๊งแล้วน่าห่วงจัง มีเรื่องอะไรหรือเปล่า

        พอผมถามแบบนี้มิ๊งก็เงียบไป แต่ผมได้ยินเหมือนเสียงสะอื้นเบา แผ่ว แว่วมาตามสาย ดูเหมือนเธอจะร้องไห้ แต่พยายามเก็บเสียงไว้ไม่ให้ผมได้ยิน ตอนนี้ผมเลยยิ่งกระวนกระวายใจเข้าไปอีก

        “ไม่ไม่มีอะไรหรอกค่ะมิ๊งอยู่ที่ …”

        ผ่านไปเกือบหนึ่งนาที กว่าที่มิ๊งจะตอบมาด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น ดูเหมือนเธอพยายามจะเก็บอาการเต็มที่ไม่ให้ผมรู้ แต่น่าจะกลั้นไม่ไหวจริง พอได้ยินเธอบอกสถานที่ผมก็เลยรีบบอกให้เธอใจเย็นผมจะรีบไปหาเธอให้เร็วที่สุด

        พอวางสายเรียบร้อย น้องผิงก็ออกมาจากห้องน้ำในสภาพนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว เธอสวยน่ารักเหมือนนางฟ้าตัวน้อยตามปกติ แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์ชื่นชมความงาม และปัญหาใหญ่ตอนนี้ก็คือผมอยากไปหามิ๊ง แต่ผมจะไปยังไง เพราะว่าผิงเองก็ต้องการคนดูแล และผมคงจะพาผิงไปหาแม่ของเธอพร้อมกันไม่ได้ ไม่งั้นความลับอาจจะแตกได้

        ผิงออกมาก็นั่งซึมบนขอบเตียง เธอนั่งมองโทรศัพท์มือถือที่แม่เธอไม่โทรกลับเลยสักครั้ง เธอคงไม่รู้จะทำยังไงดี ผมเองก็กระวนกระวายทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะทำยังไงดี ทิ้งทางนี้ก็ไม่ได้ ไปหาทางโน้นด้วยกันก็ไม่ได้ โอย ปวดหัว ผมต้องทำยังไงเนี่ย

        ผมนั่งลงบนเตียงข้างผิงแล้วจับมือเธอ เด็กสาวตัวสะท้านนิดหน่อยทำท่าเหมือนพร้อมจะร้องไห้โฮได้ตลอดเวลา ผมเองก็ยิ่งใจเสียทำตัวไม่ถูก พอสักพักน้องผิงก็กดหน้าจอโทรศัพท์ดูรูปเธอถ่ายคู่กับแม่ แล้วส่งเสียงบ่นพึมพำออกมา

        “แม่คะ แม่อยู่ไหน ทำไมไม่โทรหาหนูล่ะคะถึงแม่จะแอบไปเป็นเมียน้อยคนอื่น แต่หนูไม่เคยโกรธแม่เลยนะ เพราะหนูรู้ว่าแม่อยากหาเงินมาดูแลหนูแม่คะหนูมีแม่คนเดียวนะ

        น้องผิงพูดพลางน้ำตาไหลจากสองตาลงมาเป็นทาง ผมเห็นแล้วทั้งรู้สึกปวดใจแทน และรู้สึกตกใจที่น้องผิงรู้เรื่องแม่เธอหาเงินด้วยการขายตัวเป็นเมียน้อย แต่มองแล้วน้องผิงเหมือนจะไม่รู้ว่าผมนี่แหละผัวอีกคนของแม่เธอ

        ผมยื่นแขนไปโอบไหล่เด็กสาวมากอด เธอสะอื้นสะท้านอยู่ในอ้อมกอดผม ตอนนี้ผมเลยตัดสินใจลองเสี่ยงอะไรบางอย่าง เพราะยังนึกไม่เห็นทางที่ดีกว่านี้ ถึงจะมีความเสี่ยงว่าผิงรับความจริงไม่ได้และเกลียดผม แต่อย่างน้อยสักวันเธอก็ต้องรู้เรื่องนี้อยู่ดี ดังนั้นผมชิงบอกไปเสียก่อนเลยน่าจะดีกว่า

        “… ผิงผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ของผิงเหรอ?”

        พอตัดสินใจได้แล้วผมก็ปั้นหน้าทำเสียงเหมือนตกใจ น้องผิงที่กำลังร้องไห้เลยเงยหน้าขึ้นมองผมแบบงง เธอคงสงสัยว่าผมจะไม่รู้จักแม่เธอได้ไง ในเมื่อบ้านอยู่ติดกันแบบนี้

        “ค่ะ แม่ของผิงชื่อมิ๊ง พี่กายน่าจะเคยเห็นนะ

        “เคยเห็นแต่ผ่าน น่ะซิ ไม่เคยได้คุยด้วย เลยจำหน้าไม่ได้สรุปว่าคนนี้เป็นแม่ของผิง แถมยังชื่อมิ๊งด้วยซินะโอยสงสัยจะคนเดียวกันแน่เลย

        ผมพยายามหาข้ออ้างและทำท่าตกใจ น้องผิงยิ่งมองผมด้วยความสงสัยว่าผมกำลังคิดจะพูดอะไร

        “… ทำไมคะ คนเดียวกับใคร

        “คือเรื่องมันยาวผิงอย่าโกรธนะ ฟังให้จบก่อน เดี๋ยวจะค่อย เล่าให้ฟัง เรื่องมันมีอยู่ว่า …”

        ผมสูดลมหายใจแล้วเริ่มการเล่าความจริงแบบครึ่งเดียว ผมเล่าให้ฟังว่าผมไปซื้อบริการแล้วเจอกับแม่ของเธอ จากนั้นก็รับเลี้ยงส่งเสียแบบรายเดือนจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งมันก็คือความจริง แต่ส่วนที่ผมบิดเบือนก็คือ ผมโกหกว่าผมจำแม่เธอไม่ได้ ก็เลยไม่รู้ว่าเป็นแม่เธอ

        น้องผิงฟังแล้วเบิกตากว้างมองผม เธอทำท่าเหมือนไม่อยากเชื่อ แต่ยังไม่แสดงอาการอะไรออกมามากกว่านั้น ผมเลยต้องกลืนน้ำลายลงคออีกอึกใหญ่ เพราะเดาไม่ออกว่าเธอจะโกรธเกลียดผมหรือเปล่าที่ไปมีอะไรกับแม่ของเธอเข้า

        “… แม่แม่ของหนูถึงตอนนี้ แม่ขายตัวให้พี่กายคนแรก แล้วก็แค่คนเดียวใช่หรือเปล่าคะ

        แทนที่จะถามคำถามอื่น น้องผิงกลับถามคำถามที่ผมคาดไม่ถึงออกมา ผมก็เลยยิ่งเดาอารมณ์เธอไม่ออก แต่ก็พยักหน้าตอบ อย่างน้อยผมก็เข้าใจว่าเป็นแบบนั้น นอกเหนือจากพ่อเธอแล้ว น่าจะมีแค่ผมที่เคยลิ้มรสสวาทสุดแสนหอมหวานของมิ๊ง

        “… ดีจังดีจัง …”

        พอเห็นผมพยักหน้า น้องผิงก็เริ่มมีสีหน้าผ่อนคลาย เธออิงหน้าซบเข้าหาผมเหมือนโล่งอะไรบางอย่าง ส่วนผมยังงงไม่หายว่าทำไมเธอคิดอะไรแบบนี้ ทำไมเธอถึงบอกว่าดี หรือว่าจะมีอะไรบางอย่างที่ผมไม่รู้

        “เดี๋ยวก่อน ดียังไง ผิงไม่โกรธเหรอ ที่ไปทำอะไรแม่ผิงแบบนั้น

        ผมอดไม่ได้ต้องถามออกไปตรง เพราะผมไม่เข้าใจจริง ว่ามันเกิดเรื่องราวบ้าบออะไรขึ้นกันแน่ เหมือนกับว่าผมพลาดอะไรบางอย่างไป

        “… ไม่โกรธหรอกค่ะ หนูโล่งใจด้วยซ้ำพี่กายรู้หรือเปล่า ก่อนหน้านี้แม่หนูเครียดมาก ไม่มีความสุขเลย เงินก็ไม่มีใช้ วันหนึ่งหนูได้ยินแม่คุยโทรศัพท์ว่าจะไปขายตัวแลกเงิน หนูตกใจมากทำตัวไม่ถูก หนูกลัวแม่จะแย่แต่ไม่กล้าพูดอะไร

    “จากนั้นไม่กี่วันต่อมา แม่ก็กลายเป็นคนร่าเริงแจ่มใสมีแต่รอยยิ้ม มีเอาเงินมาให้หนูเยอะแยะ ตอนนั้นหนูก็รู้แล้วล่ะว่าแม่น่ะไปขายตัวมาแล้ว แต่ที่หนูไม่เข้าใจก็คือแม่ดูมีความสุขมาก ตั้งแต่เกิดมาหนูไม่เคยเห็นแม่มีความสุขแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้ง โดยเฉพาะตอนอยู่กับพ่อ

        “หนูเห็นแม่มีความสุขหนูก็พอใจแล้ว แต่หนูก็แอบกังวลว่าถ้าแม่ไปอยู่กับพ่อใหม่แล้วหนูจะทำยังไง พ่อใหม่จะนิสัยดีหรือเปล่า แล้วหนูต้องย้ายไปบ้านอื่นห่างจากพี่กายหรือเปล่าแต่ตอนนี้หนูหายห่วงแล้ว

        น้องผิงอธิบายให้ฟัง ผมถึงค่อยทำความเข้าใจเรื่องราวได้มากขึ้นเล็กน้อย สรุปว่าผิงเห็นแม่เธอมีความสุข เธอก็เลยยอมรับได้ แถมยังไม่คิดว่าอะไรผมสักคำด้วย เอ่อ จะว่าไป ผมก็ไม่นึกเลยว่าเรื่องราวมันจะง่ายแบบนี้

        “แต่ตอนนี้หนูมีคำถามใหญ่ สำคัญมากต้องถามพี่กาย

        หลังจากทำท่าโล่งใจ น้องผิงก็ขยับมามองหน้าผมเขม็งทำท่าเครียด ผมเลยเริ่มตกใจเพราะกลัวว่าเธอจะเริ่มแสดงอาการโกรธออกมา ผมมองหน้าเธอพลางกลืนน้ำลายดังอึก แต่ครู่เดียวน้องผิงก็ส่งเสียงหัวเราะคิกคักแล้วถามคำถามที่บอกว่าสำคัญมากของเธอออกมา

        “หนูควรจะเรียกพี่กายว่าอะไร ระหว่าง พ่อ กับ ผัว

        เห็นเธอทำท่าทางแบบนี้ ผมเลยเกือบหลุดหัวเราะออกมาด้วย ผมคว้าน้องผิงมาจูบปากหนึ่งรอบ แล้วค่อยตอบเธอด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้น อย่างน้อยผิงก็ดูอารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว เดี๋ยวผมค่อยหาทางตะล่อมพาเธอไปเจอกับแม่เธอก็ได้ หรืออาจจะทิ้งเธอไว้ที่นี่แล้วผมไปหาคนเดียวก็อาจจะไหว

        “พี่อยากให้เรียกผัวดีกว่านะ แต่เรียกป๋าก็ไม่เลว

        “แหวะ ไม่เรียกหรอกป๋าน่ะ โบราณ หนูไม่ใช่เด็กเสี่ยนะ

        “งั้นเรียกผัวก็แล้วกัน” 

        “ไม่เอา หนูจะเรียกผัวแก่

        พอบรรยากาศดีขึ้น เราก็เริ่มหยอกกันไปหยอกกันมา แต่ผมยังหาทางตะล่อมหลอกเปลี่ยนเรื่องเพื่อไปหามิ๊งไม่ได้เสียที และดูเหมือนว่าผมจะประเมินเด็กแสบแสนรู้คนนี้น้อยเกินไป เพราะว่าพอเราคุยไปได้อีกแค่หน่อยเดียว น้องผิงก็มองผมตาแป๋ว แล้วถามคำถามที่ทำให้ผมอึ้งออกมา

        “… เอาล่ะค่ะ พี่กายรู้ใช่หรือเปล่าว่าแม่อยู่ที่ไหน พี่จะไปปลอบแม่เอง หรือว่าจะพาหนูไปด้วยคะ

        “เฮ้ยรู้ได้ไง

        ผมร้องเหวอ ทีแรกว่าจะทำเนียนไม่รู้เรื่อง แต่มองหน้าเด็กแสบแสนรู้คนนี้แล้ว ผมรู้สึกว่ายอมรับกันไปตามตรงดีกว่า

        “ทำไมจะไม่รู้ ดูหน้าพี่ก็รู้แล้ว พี่โกหกอะไรบางอย่างหนู เมื่อครู่พี่บอกความจริงหนูแค่ครึ่งเดียว แต่พี่ไม่ได้คิดร้ายหลอกลวงอะไร แถมท่าทางของพี่ดูสบาย หนูเลยเดาว่าพี่ติดต่อแม่ได้แล้ว แต่ยังไม่กล้าบอกเพราะกลัวหนูจะสงสัย ถูกหรือเปล่าคะ

        “เอ่อ …”

        ผมนั่งอึ้งมองเด็กแสบที่มองผมตาแป๋ว ยัยเด็กคนนี้ยังคงเป็นเหมือนพยาธิในลำไส้ของผมเหมือนเดิม ผมจะคิดอะไรยังไง คุณเธอเป็นต้องเดาออกจนเกือบหมด ขนาดเรื่องราวซับซ้อนแบบนี้ พอผมเผยอะไรออกไปนิดหน่อย เธอก็จับเชื่อมโยงหาความลับที่ซ่อนอยู่ได้

        “ไม่ต้องพูดอะไรแล้วค่ะพี่กายตอนนี้หนูห่วงแม่แล้ว ถ้าพี่คิดว่าจะไปปลอบแม่คนเดียว หนูอยู่บ้านพี่กายก็ได้ แต่ถ้าพี่คิดว่าหนูไปด้วยจะดีกว่า หนูก็จะไปด้วย หนูเองก็อยากช่วยปลอบแม่ด้วย

        น้องผิงเธอเปลี่ยนมาพูดเป็นการเป็นงาน แต่คำถามนี้ผมยังคิดไม่ตก ผมเลยไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงดี

        “ไม่รู้ซิ ยังคิดไม่ออก

        “… หนูคิดว่า พี่ควรจะพาหนูไปด้วย ควรจะคุยให้แม่รู้เรื่องนี้ไปเลย แต่ว่าเราควรจะบิดเบือนเรื่องนิดหน่อย บอกไปเหมือนที่พี่โกหกหนู บอกว่าพี่จำแม่ไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นแม่หนู แล้วพี่ก็ไปซื้อบริการหนูด้วยพร้อมกัน พี่เลยกลายเป็นสามีของเราแม่ลูก แค่นี้แม่ก็คงต้องปล่อยเลยตามเลย เพราะมันเป็นไปแล้ว เอาแบบนี้นะคะ


        ประโยคสุดท้ายของน้องผิงทำให้ผมรู้สึกกระอักกระอ่วนนิ่งอึ้ง พอเห็นแบบนั้นเธอก็ยิ้มจนเห็นไรฟันขาวสะอาด สรุปว่าที่ผมอุตส่าห์สร้างเรื่องมาหลอกเธอทั้งหมดเนี่ย ยัยเด็กตัวแสบเธอเล่นอ่านออกจนหมดเกลี้ยงไม่มีอะไรหลบซ่อนเธอได้เลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น